Fender Mexico Factory

โรงงาน Fender ที่เรากำลังจะไปนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเอนซีนาดา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐบาจา แคลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก ถ้าเทียบจากอเมริกาก็จะห่างจากเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียลงไปทางใต้ประมาณ 100 ไมล์ หรือห่างจากลอสแอนเจลีสไปประมาณ 180 ไมล์ ใช้เวลาเดินทางจากโรงงาน Fender ที่เมืองโคโรนา แคลิฟอร์เนีย เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ทำเลที่ตั้งของโรงงานอยู่ติดกับเขตผ่านแดนเม็กซิโก/แคลิฟอร์เนียพอดี นอกจากนี้ เอนซีนาดายังเป็นจุดแวะพักยอดนิยมของบรรดาเรือสำราญอีกด้วย

 
  ความคิดริเริ่มในการตั้งโรงงานที่เอนซีนาดานี้มาจาก มร. บาชาร์ โอมาร์ ดาร์คาซาลี รองประธานอาวุโส ฝ่ายผลิตของ บริษัท Fender เขาได้ศึกษาความเป็นไปได้ทางกฎหมายในการลงทุนทำธุรกิจในรัฐบาจา แคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก และ เมื่อทุกอย่างผ่านการพิจารณาอนุมัติ โครงการที่อยู่ในแผ่นกระดาษก็กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ การก่อสร้างโรงงานจึง เริ่มขึ้นและพร้อมเปิดทำการในปี 1987 ประเดิมด้วยงานบรรจุหีบห่อสายกีตาร์ ซึ่งขณะนั้นมีพนักงานหญิง ทำหน้าที่อยู่ เพียง 5 คนภายในโถงโรงงานเล็กๆหลังเดียว

และทันทีที่ มร. บาชาร์ ลงมาดูแลงานที่นี่อย่างเต็มตัวในปี 1989 เขาก็เร่งดำเนินการขยายโรงงานและเพิ่มสายการผลิต ที่หลากหลายมากขึ้น เริ่มมีการผลิตตู้ลำโพงและแอมปลิฟายเออร์, กีตาร์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะบางอย่าง ขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มผลการผลิตสายกีตาร์ให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ชั่วเวลาเพียง 1 ปีโรงงานก็เติบโตเต็มที่ จากโรงงานเล็กๆสำหรับบรรจุหีบห่อสายกีตาร์เพียงอย่างเดียวก็กลายมาเป็น อาคารโรงงาน 8 หลัง คลอบคลุมพื้นที่กว่า 200,000 ตารางฟุต ทำการผลิตตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กีตาร์ และเบสไฟฟ้า ปิ้กอัพ แอมป์ ตู้ลำโพง กล่องบรรจุกีตาร์ และสายกีตาร์

 
มาดูโรงงานผลิต Fender Mexico กัน
โรงงานทุกหลังของที่นี่ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ทันสมัย การทำลายขยะมีพิษก็เป็นไปตามกฎหมาย ระหว่างสองประเทศอย่างถูกต้อง การจัดสายการผลิตภายในโรงงานทำอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน เครื่องมือต่าง ๆ ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบดูสะอาดตา พนักงานที่นี่ได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพอย่างดี มีแพทย์พยาบาลประจำอยู่ใน โรงงานเต็มเวลา อ้อ! ลืมบอกไปว่าพนักงานที่นี่มีทีมฟุตบอล "Fender Mexico Soccer Team" ของตัวเอง และยังได้ครองแชมป์สองสมัยในการแข่งขันของรัฐอีกด้วย

มาดูกันต่อที่โรงงานทำกีตาร์ซึ่งเป็นจุดแวะชมที่จะพลาดไม่ได้เลย พื้นที่ภายในหากมองไปเราจะเห็นชิ้นไม้บอดี้และ คอวางซ้อนเรียงรายอยู่มากมาย ทั้งหมดเป็นไม้ที่ถูกส่งมาจากโรงงานโคโรนา อเมริกา เพื่อมาทำการขัดทรายและทำสีที่นี่ เราจะเห็นบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญนำไม้มายืนขัดด้วยเครื่องขัด (sander) บนแท่นที่หมุนด้วยความเร็วสูง และเมื่อบอดี้และคอผ่านการขัดจนผิวราบเรียบดีแล้วก็จะถูกส่งต่อมาที่ห้องทาสีที่มีอยู่กว่า 10 ห้อง เพื่อให้ศิลปินที่ประจำหน้าที่อยู่คอยบรรเลงต่อ งานนี้ต้องจำเป็นต้องใช้ผู้ที่ช่ำชองจริงๆ ผู้ที่จะเข้ามาทำตรงนี้ได้จะต้องผ่านการฝึกงานมาเป็นปีๆก่อนจะเข้ามารับผิดชอบเต็มตัว บอดี้บางตัวอาจจะต้องมีการฉาบสีไว้มากถึง 7 ชั้นเลยทีเดียว และจะต้องใช้เวลาในการอบสีให้แห้งซึ่งอาจจะกินเวลาถึง 24-48 ชั่วโมงต่อชั้น เสร็จจากขั้นตอนนี้ก็จะเป็นการลงน้ำยาเคลือบเงาและใส่เฟร็ต จากนั้นก็จะเป็นการประกอบขั้นสุดท้าย ที่ๆบอดี้และคอจะถูกนำมาประกบเข้าด้วยกัน ตามด้วยการติดตั้งส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ใส่ปิ้กอัพ ปิ้กการ์ดรวมไปถึงฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ

ในการประกอบขั้นสุดท้ายนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สายงาน สายแรกเป็นการประกอบคอเข้ากับบอดี้ ใส่ลูกบิดและชิ้นส่วนบางอย่าง สายที่สองเป็นการติดตั้งชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์และปุ่มคอนโทรลต่างๆ และใส่สายกีตาร์ สายที่สามเป็นการทดสอบระดับเสียง ตั้งอินโทเนชั่นและตั้งสาย ตรงส่วนี้จะต้องใช้บุคคลากรที่พิเศษกว่าจุดอื่นๆตรงที่ทุกคนจะต้องเป็นนักดนตรี และเมื่อกีตาร์หรือเบสผ่านพ้นจากมือพวกเขาไป ก็หมายความว่าทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะถูกส่งต่อไปยังลูกค้าทุกคน

โดยหลักการแล้ว หากจะพูดว่าที่นี่เป็นสถานที่ผลิตกีตาร์ก็คงไม่ใคร่จะถูกเสียทั้ง 100 % เอาเป็นว่าที่นี่เป็น "โรงงานประกอบ" กีตาร์น่าจะเหมาะกว่า เพราะอย่างน้อยบอดี้และคอของกีตาร์ที่ตีตราว่าเมดอินเม็กซิโกนั้นก็เป็นไม้ที่ส่งมาจากอเมริกา เพื่อมาขัดทราย ทาสี และเคลือบเงาที่นี่

  ปัจจุบันของโรงงานผลิด กับ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต
ปัจจุบันโรงงาน Fender ที่เอนซีนาดา เม็กซิโกได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี การผลิตอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้สามารถ ผลิตแอมปลิฟายเออร์ที่มีความซับซ้อนสูงได้  อย่างเช่นแอมป์ทุกตัวที่ใช้เทคโนโลยี SFX (Stereo Field Expansion) ที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงของแอมป์สเตอริโอ หรือแม้กระทั่งสุดยอดแอมป์ไฮเทคดิจิตัลอย่าง Cyber Twin นี่ก็ผลิตที่เม็กซิโก นอกจากนี้ก็ยังมีแอมป์รุ่นหลักๆที่ผลิตจากที่นี่อีกไม่น้อย อาทิ แอมป์เบส BXR 15, แอมป์รุ่น Bullet และ Bullet Reverb, แอมป์กีตาร์รุ่น Champion, แอมป์คีย์บอร์ด KXR 60 และตู้ลำโพงหลายๆแบบ ในปี 1993 Fender เพิ่มโรงงานหลังใหม่สำหรับทำแอมป์คัสตอมช็อพและแอมป์ประเภท solid state (หรือแอมป์ทรานซิสเตอร์) ขึ้นภายในโรงงานโคโรนา อเมริกา แต่ปัจจุบันรับทำแต่แอมป์หลอดเป็นหลัก ส่วนแอมป์ทรานซิสเตอร์ก็ย้ายมาผลิตที่ โรงงานเอนซีนาดา เม็กซีโก นี่เอง

สำหรับกีตาร์และเบสที่ผลิตที่นี่ก็มีหลายซีรี่ส์ด้วยกันเช่น Standard Series, Deluxe Series และ Classic Series ทั้ง Strat และ Tele รวมไปถึงเบส Precision และ Jazz ด้วย นอกจากนี้ยังมีพวกซิกเนเจอร์โมเดลที่ดังๆอีก อย่างเช่น Jimmie Vaughan Tex-Mex Strat, Tomdelonge Strat หรือรุ่นท็อปของเม็กซิโกก็มีอาทิ Super Strat กับ Powerhouse Strat ที่อยู่ใน Deluxe Series นอกจากนี้ยังมีสายกีตาร์ Super Bullet ที่เป็นลิขสิทธิ์ เฉพาะของ Fender ล้วนได้รับการผลิตจากวัสดุที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีทั้งจากอเมริกาและเยอรมัน
 
 


ปี 1992 ฐานการผลิตเอนซีนาดาแห่งนี้สามารถผลิตกีตาร์ Standard Stratocaster ได้ 175 ตัวต่อวัน ปัจจุบันหากเปรียบเทียบกับจำนวนพนักงาน คาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 150,000 ตัวต่อปี หรือประมาณ 410 ตัวต่อวัน เทียบกับโรงงานโคโรนาที่ผลิตกีตาร์ได้ 85,000 ตัวต่อปี จำนวนพนักงานที่โรงงานเอนซีนาดามีราวๆ 1,000 คนในขณะที่โคโรนามีประมาณ 700 คน

ฐานการผลิตเอนซีนาดานี้ดำเนินงานโดยทีมบริหารของ Fender เองและจะผลิตแต่สินค้าของบริษัท Fender เท่านั้น สินค้าทุกชิ้นจากที่นี่จะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนส่งออกถึงมือลูกค้า และทุกๆสัปดาห์จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมคุณภาพจากโรงงานโคโรนาเดินทางไปตรวจตราาสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานคุณภาพเท่าเทียมกัน หากพิจารณาถึงสาเหตุที่ Fender เลือกให้เม็กซิโกเป็นที่ตั้งโรงงานก็คงจะเนื่องด้วยความสะดวกหลายๆประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอกจากเรื่องของภาษีที่เอื้ออำนวยแล้ว อัตราค่าแรงก็น่าดึงดูดใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะมันช่วยลดต้นทุนการผลิตไปได้มากซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องโดยตรงต่อราคาสินค้า อีกทั้งด้วยความที่เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกัน สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศก็แทบจะไม่ผิดแผกกันเลย จึงไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพของไม้ที่ผิดเพี้ยนไปเนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นที่แตกต่างกัน

เป็นธรรมชาติของคนเราที่มักจะมีความเคลือบแคลงสงสัยในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้จัก หลายคนอาจยึดติดอยู่กับความคิดที่ว่า "คุณภาพ = เมดอิน USA" หรือมีทัศนคติว่า "ถ้าไม่ใช่ของอเมริกาก็ต้องเป็นของไม่ดี" อย่างที่เขาว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนั่นแหละครับ คงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจใครได้นอกจากคุณจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นขอให้ "เชื่อหูของคุณเอง" เถอะครับ แล้วคุณจะพบว่าจุดที่ผลิตภัณท์เมดอินเม็กซิโกสู้อเมริกาไม่ได้เห็นจะมีแค่เรื่อง "ราคา" เท่านั้นเอง


 

    ©Copyright 2005 Beh Ngiep Seng Musical Instruments Ltd.,Part. All reserved.