Fender Stratocaster

หากคุณเป็นคนกีตาร์ คุณคงไม่ปฏิเสธถ้าจะพูดว่า Stratocaster เป็นกีตาร์ไฟฟ้าที่มีรูปทรงที่เราพบเห็นได้บ่อยที่สุด ทั้งบนเวที ในห้องบันทึกเสียง ในห้องซ้อม ในห้องนอน หรือแม้กระทั่งในห้องของนักสะสมกีตาร์

Stratocaster เป็นชื่อที่ได้มาจากความตั้งใจที่จะสะท้อนความทันสมัยแห่งยุคอวกาศ โดยเอาชื่อชั้นบรรยากาศ Stratosphere มาผสมกับคำลงท้ายว่า 'caster' (เพื่อให้พ้องกับ Telecaster)  Strat  เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1954 ซึ่งอีก 1 ปีข้างหน้านี้ก็จะมีอายุครบ 50 ปีแล้ว Strat เป็นกีตาร์ที่ติดอันดับขายดีมาตลอด  แถมยังเป็น กีตาร์ที่ถูกลอกเลียนแบบรูปแบบมากที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งก็เป็นผลดีเพราะมันทำให้กีตาร์   Strat กลายเป็นกีตาร์ที่มี ดีไซน์คลาสสิคและคงความอมตะมาจนทุกวันนี้

การออกแบบที่แตกต่างกับ Tele
Stratocaster ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แตกต่างจากพี่ใหญ่อย่าง Tele ที่เกิดมาก่อน 4 ปีในหลาย ๆ จุด ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้ :

 


รูปทรง บอดี้ของ Strat เป็นลักษณะ double cutaway คือทำให้เป็นลักษณะโค้งเว้าทั้งสองข้าง ทำให้กีตาร์มี 2 เขา (ฝรั่งเขาเรียกว่า horn) นอกจากนี้ยังมีการทำเป็นลักษณะ contour body คือปรับปรุงให้ด้านหน้า (ตรงที่แขนวาง) และ หลังบอดี้(ตรงที่แนบกับซี่โครง)มีลักษณะที่มนเว้าไม่เป็นแผ่นไม้ที่มีเหลี่ยมมีมุมเหมือนกับ Tele ทำให้กีตาร์กระชับ กับสรีระของผู้เล่นมากขึ้น เล่นแล้วไม่เจ็บซี่โครงและแขน

ปุ่มคอนโทรล 3 ปุ่ม ประกอบไปด้วย Volume 1 และ Tone อีก 2 มีการปรับปรุงให้ปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ อยู่ใกล้นิ้วมือมากขึ้น โดยเฉพาะปุ่ม Volume นี่เป็นทีเด็ดสำคัญเลยทีเดียว  เพราะผู้เล่นสามารถใช้นิ้วหมุนปุ่ม Volume ได้ในขณะที่ดีดสายไปด้วย ทำให้เกิดเป็นเทคนิคเลียนเสียงไวโอลิน มือกีตาร์หลายๆคนอย่างริชชี่ แบล็คมอร์, อิงวี่ มาล์มสตีน หรือเจฟฟ์ เบ็ค ฯลฯ ต่างก็ใช้เทคนิคนี้ในการเล่นของพวกเขา ส่วนปุ่ม Tone 2 ปุ่มนี้ ในตอนแรกมีไว้ใช้กับ ปิ้กอัพตัวกลางและตัวใกล้คอเท่านั้น ภายหลังก็มีการพัฒนาให้ต่างออกไปบ้างแต่บางรุ่นก็ยังใช้แบบเดิมนี้อยู่

ปิ้กอัพ ที่ติดบน Strat เป็นซิงเกิลคอยล์ 3 ตัวพร้อมสวิชต์เลือกปิ้กอัพแบบ 3 ทางสำหรับปิ้กอัพแต่ละตัว และ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าปิ้กอัพตัวที่อยู่ใกล้บริดจ์จะวางเฉียงเล็กน้อย ก็เพราะว่า โดยธรรมชาติแล้วหากเราดีดสาย ใกล้ปิ้กอัพบริดจ์ เสียงที่ออกมาจะแหลมมากแต่ขาดความทุ้มลึก   ดังนั้นการวางปิ้กอัพเฉียงก็เพื่อให้สายใหญ่ ๆ ออกเสียงทุ้มหนามากขึ้น ในขณะที่สายเล็กก็ให้ย่านแหลมและพุ่งมากขึ้น ทำให้เกิดความบาลานซ์ของซาวน์ดครบถ้วน
Strat เริ่มมามีสวิชต์เลือกปิ้กอัพ 5 ทางในปี 1977 ทำให้เราสามารถผสมปิ้กอัพตัวกลางเข้ากับปิ้กอัพใกล้บริดจ์และคอ ได้อย่างที่เราเรียกว่าซาวน์ด twang นั่นเอง ถ้าเป็น Strat ที่มีสวิชต์ 3 ทางต้องใช้วิธีขยับสวิชต์ค้างไว้ตรงกลางระหว่าง ตำแหน่งที่ 1 กับ 2 หรือ 2 กับ 3 ลองหาเพลงของ The Shadow หรือ The Venture มาฟังดูแล้วคุณจะเห็น ภาพซาวน์ด twang ที่ว่าได้ชัดเจนขึ้น

ช่องเสียบสายแจ็ค ของ Strat ถูกย้ายมาไว้ด้านหน้าบอดี้ จุดประสงค์ก็เพื่อความสะดวกและความสวยงาม และ ที่สำคัญคือเพื่อความปลอดภัยของสายและหัวแจ็ค ผู้เล่นสามารถวางกีตาร์พิงไว้กับกำแพงหรือวางไว้บนเก้าอี้เมื่อต้องการ พักการเล่นสั้นๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องถอดสายแจ็คออก และผู้เล่นก็ไม่ต้องคลำหาช่องเสียบแจ็คที่อยู่ด้านล่างของตัวกีตาร์ ให้ยุ่งยาก

คันโยก อาจจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของ Strat (ในยุคปฏิวัติกีตาร์) เลยก็ว่าได้ Strat มีการติดตั้งคันโยกแบบใหม่ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย Leo Fender   กับเพื่อนร่วมงานของเขา Fender   เรียกคันโยกดีไซน์ใหม่นี้ว่า "Synchronized Tremolo"   ลักษณะเด่นของมันคือ แซดเดิล, บริดจ์และกลไกคันโยกรวมอยู่ด้วยกัน มีสปริง 5 ตัวอยู่ด้านหลังบอดี้เพื่อทำหน้าที่ต้านแรงเมื่อเราดึงหรือกดคันโยก สปริงพวกนี้ทำให้สายกีตาร์ถูกดึงกลับเข้าที่ วิธีนี้ ช่วยลดอาการสายเพี้ยนได้เป็นอย่างดีและไม่ทำให้สูญเสียซัสเทนด้วย

บริดจ์ แบบใหม่ของ Fender ประกอบไปด้วยแซดเดิล 6 ตัวแยกชิ้นกัน เพราะฉะนั้นเราจึงตั้ง intonation แยกกันได้ทุกสาย รูปร่างของแซดเดิลถูกปรับปรุงเพื่อให้ตอบรับกับการทำงานของคันโยก สามารถปรับความสูงของ แซดเดิลและ intonation ได้ ระบบบริดจ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับคันโยก "Synchronized Tremolo" นั่นเอง


 

    ©Copyright 2005 Beh Ngiep Seng Musical Instruments Ltd.,Part. All reserved.